โลโก้สี่เหลี่ยมบางกอกโกลด์ส

ค่ากำเหน็จคืออะไร คิดยังไง? เข้าใจก่อนซื้อ-ขายทอง

ค่ากำเหน็จคืออะไร คิดยังไง? เข้าใจก่อนซื้อ-ขายทอง

ค่ากําเหน็จ คืออะไร ใครที่อยากซื้อขายทองให้คุ้มค่าต้องรู้จัก ค่ากำเหน็จทองคำนวณอย่างไร มีความแตกต่างจากค่าบล็อกอย่างไร วันนี้เรามาหาคำตอบกัน แล้วมาดูกันว่าแต่ละเครื่องเครื่องประดับทองมีค่ากำเหน็จเท่าไหร่บ้าง แต่ละร้านเท่ากันไหม มาเริ่มเก็บข้อมูลกันเลย!

ค่ากำเหน็จทองคืออะไร

ค่ากําเหน็จทอง คือ ค่าจ้างค่าแรงของช่างทำทอง คิดตามราคาความยากง่ายของลวดลาย คิดราคาต่อชิ้น จะมีอยู่ 2 แบบคือ ค่ากำเหน็จทองรูปพรรณและค่ากำเหน็จทองแท่ง โดยที่ทั้งสองแบบก็จะมีวิธีการคำนวณแตกต่างกัน เวลาไปซื้อทองที่ร้านทองก็จะนำค่ากำเหน็จบวกเข้าไปกับราคาทองที่ขาย และถ้ามีการเอาไปขายคืนที่ร้าน ร้านจะจ่ายตามน้ำหนักทองเท่านั้นไม่มีค่ากำเหน็จ

ตัวอย่างการคำนวณค่ากำเหน็จ

ตัวอย่างการคำนวณค่ากำเหน็จ

ค่ากําเหน็จ คือ ค่าแรงหรือค่าจ้างช่างทองซึ่งจะถูกบวกรวมไว้กับราคาทอง

 

สูตรการคำนวณ ราคาที่ต้องจ่าย = (ราคาทองคำ x น้ำหนักทองคำหน่วยบาท) + (ค่ากำเหน็จต่อน้ำหนักทอง 1 บาท)

ยกตัวอย่างเช่น

การคำนวณค่ากำเหน็จทองรูปพรรณ ลวดลายที่มีค่ากำเหน็จ 1,000 บาท

ราคาทองขายบาทละ 24,000 บาท = 24,000+1,000

ราคาทองรูปพรรณที่ขายออกคือ 25,000 บาท

 

แต่ถ้าเป็นสร้อยคอ 1 สลึง จะคำนวณได้ดังนี้

(24,000/4)+1,000 = 7,000 บาท และที่ต้องหาร 4 เป็นเพราะทอง 1 บาท เทียบบัญญัติไตรยางศ์ จะแบ่งออกเป็น 4 สลึงนั่นเอง

 

การคำนวณค่ากำเหน็จทองแท่งราคา 400 บาท

ราคาทองขายบาทละ 24,000 บาท = 24,000+400

ราคาทองแท่งที่ขายออกคือ 24,400 บาท

ค่ากำเหน็จทองแต่ละร้านเท่ากันไหม

ค่ากําเหน็จทองของแต่ละร้านจะมีค่ากำเหน็จแตกต่างกัน ร้านทองรายย่อยหรือร้านต่างจังหวัดจะมีการคิดค่าขนส่งทอง ค่าประกันเพิ่มไปด้วย ทำให้ค่าเหน็จทองที่ต่างจังหวัดจะมีราคาแพงกว่าการซื้อทองในกรุงเทพมหานคร เพราะต้องซื้อจากร้านทองรายใหญ่ส่งไปนั่นเองลายสร้อยทองที่นิยม ผู้หญิงบางลวดลายอาจจะมีค่ากำเหน็จมากกว่า 1,000 เลยทีเดียวถ้าเป็นลวดลายที่ยากมากๆ

ค่ากำเหน็จ VS ค่าบล็อกต่างกันอย่างไร

ค่ากําเหน็จ คือค่าแรงของช่างทองสำหรับขึ้นรูปทองรูปพรรณแต่ละลายมีราคาแตกต่างกันขึ้นอยู่กับลวดลายว่าจะยากหรือง่าย เริ่มต้นตั้งแต่บาทละ 400-1,000 บาท ส่วนค่าบล็อกนั้นเป็นค่าแรงของการทำทองคำแท่งจะมีราคาถูกกว่าค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณ 1 บาทอยู่ที่ประมาณ 100-400 บาท

5 ประเภททองรูปพรรณน่าซื้อ

ประเภททองรูปพรรณน่าซื้อ

สำหรับค่ากำเหน็จทองรู้กันแล้วว่าคืออะไร และเท่าไหร่ ต่อมามาดู 5 ประเภททองรูปพรรณที่น่าซื้อเก็บไว้บ้าง

1. สร้อยคอ

ค่ากําเหน็จทองรูปพรรณอย่างสร้อยคอนี้อย่างที่บอกว่าอยู่ที่ลวดลาย จะยากง่ายอย่างไร สร้อยทองรูปพรรณโบราณอาจมีค่ากำเหน็จสูงถึง 4,000 บาทเลยทีเดียว สร้อยคอเป็นประเภททองที่นิยมซื้อเก็บไว้กันมาก เป็นเครื่องประดับอันดับ 1 ที่คนใส่ทองชอบเลยก็ว่าได้ ราคาก็จะตามน้ำหนักทองที่ซื้อ อาจจะมีจี้ห้อยเพิ่มราคามาด้วยก็ได้

2. ต่างหู

ค่ากําเหน็จทอง คือค่าแรง ค่าทำงานแกะสลักด้วยความประณีตของช่างทอง ดังนั้นราคาค่ากำเหน็จทองของต่างหูลวดลายสวยๆ จะมีค่าสูงมาก และไม่พ้นต่างหูลายโบราณที่ต้องใช้ความประณีตมากๆ ในการทำ ซื้อเก็บไว้เป็นมรดกลูกหลานได้ เป็นเครื่องประดับติดตัวได้ด้วย

3. สร้อยข้อมือ

สร้อยข้อมือเป็นอีกประเภททองที่คนนิยมซื้อเก็บไว้ สร้อยข้อมือมีหลายลวดลายเหมือนดังสร้อยคอ บางครั้งจะเป็นลวดลายที่เข้าชุดกันกับสร้อยคอ ค่ากำเหน็จของสร้อยข้อมือนั้นก็อยู่ที่ลวดลายเช่นเดียวกันสร้อยข้อมือทอง 1 สลึง ก็เป็นขนาดที่น่ารักๆ ใส่กำลังสวยแล้ว

4. แหวน

แหวนทองมีค่ากำเหน็จเริ่มต้นอยู่ที่ 500 บาท ยิ่งเป็นลายโบราณยิ่งมีราคาค่ากำเหน็จสูง นิยมที่จะซื้อเก็บไว้เพื่อเป็นมรดกตกทอดของตระกูลเป็นเครื่องประดับโบราณมีค่าที่ส่งต่อรุ่นต่อรุ่นมากที่สุด

 

ค่ากำเหน็จ คือค่าแรง ค่าจ้างช่างทองสำหรับขึ้นทองรูปพรรณแต่ละลายจะมีราคาที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับลวดลาย ยิ่งมีลวดลายที่ยากก็จะทำให้ค่ากำเหน็จมีราคาสูง สำหรับค่าบล็อกนั้นเป็นค่าแรงของช่างทำทองสำหรับการขึ้นทองแท่งมีราคาถูกกว่าค่ากำเหน็จทองรูปพรรณราคาทองวันนี้อาจจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ค่ากำเหน็จก็ไม่ต่างกัน ยิ่งลายที่ต้องใช้ความเชี่ยวชาญสูงแล้วยิ่งต้องจ่ายมาก เรียกได้ว่าราคาสูงตามฝีมือของช่างเลยจริงๆ

หากท่านกำลังสนใจซื้อทอง Bangkok Golds ร้านทองจำหน่ายทองรูปพรรณ ทองคำแท้จากเยาวราช มีสาขามากกว่า 50 สาขา พร้อมยกระดับสู่การขายออนไลน์ สินค้าของเราทุกชิ้นมีใบรับประกัน และรับรองว่าทองที่ท่านได้รับไปเป็นทองแท้ หากท่านสนใจ สามารถสั่งออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์ Bangkok Golds หรือถ้าต้องการขายคืน ท่านสามารถติดต่อหน้าร้านBangkok Golds ได้ทุกสาขาทั่วประเทศ