ทองคำแบบไหนขายได้ แบบไหนที่ร้านทองจะรับซื้อเต็มราคา?

เวลาต้องการขายทองเพื่อหาเงินฉุกเฉิน หลายคนมักเผชิญกับปัญหาเรื่องราคารับซื้อที่ไม่เป็นไปตามคาด บางครั้งร้านทองอาจกดราคาหรือหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทำให้ราคาที่ได้รับต่ำกว่าที่คิดไว้ ความจริงแล้วการขายทองให้ได้ราคาดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย โดยเฉพาะน้ำหนักทองและเปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ของทองที่เรามี หากเข้าใจเกณฑ์การรับซื้อของร้านทอง เราก็จะสามารถเตรียมตัวและได้รับราคาที่คุ้มค่ามากขึ้น แต่หลายคนอาจจะสงสัยว่าทองกี่เปอร์เซ็นต์ขายได้? บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกัน

รู้จักประเภทของทอง

ก่อนอื่นเรามารู้จักประเภททองกันก่อน ว่ามีแบบไหนบ้าง

• ทองคำแท่ง 96.5% – ทองมาตรฐานในประเทศไทยที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% เหมาะสำหรับการลงทุนและเก็บออม
• ทองคำแท่ง 99.99% – ทองความบริสุทธิ์สูงสุดที่ยอมรับในตลาดโลก เป็นมาตรฐานสากลสำหรับการซื้อขายต่างประเทศ
• ทองรูปพรรณ – ทองที่ขึ้นรูปเป็นเครื่องประดับ เช่นสร้อยทอง สร้อยข้อมือทอง แหวนทอง มีค่ากำเหน็จเพิ่มจากการขึ้นรูป

ทำความรู้จัก ทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ คืออะไร?

ทองเปอร์เซ็นต์ต่ำ หมายถึงทองที่มีความบริสุทธิ์น้อยกว่า 96.5% ซึ่งถือเป็นมาตรฐานขั้นต่ำในประเทศไทย ทองประเภทนี้มักเกิดจากการผสมโลหะอื่นมากเกินไป หรืออาจเป็นทองปลอม ทำให้ร้านทองส่วนใหญ่ไม่รับซื้อหรือรับซื้อในราคาที่ต่ำมาก เพราะไม่สามารถนำไปขายต่อได้ตามมาตรฐานของสมาคมค้าทองคำได้ การตรวจสอบเปอร์เซ็นต์ทองจึงเป็นขั้นตอนแรกที่ร้านทองจะทำก่อนตีราคา

ทองคำ 96.5% กับทองคำ 99.99% แบบไหนดีกว่า?

การเลือกซื้อทองคำ 96.5% หรือ 99.99% ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การลงทุนและกำลังทรัพย์ของแต่ละคน ทองคำ 96.5% เหมาะสำหรับคนไทย เพราะสามารถขายได้ง่ายในประเทศไทย ส่วนทองคำ 99.99% เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการซื้อขายในตลาดโลก

ทองกี่เปอร์เซ็นต์ขายได้?

ในประเทศไทย ทองที่ขายได้และร้านทองรับซื้อเต็มราคาต้องมีความบริสุทธิ์อย่างน้อย 96.5% ขึ้นไป สำหรับทองคำแท่ง และทองรูปพรรณที่เป็นมาตรฐานของสมาคมค้าทองคำ หากทองมีเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่านี้ ร้านทองจะไม่รับซื้อหรือรับซื้อในราคาที่ต่ำมาก และทองคำ 99.99% ในประเทศไทยอาจต้องหาร้านทองที่รับซื้อโดยเฉพาะ

1. ทองคำแท่ง

ทองคำแท่งเป็นทองที่ร้านทองรับซื้อได้ราคาดีที่สุด ทองแท่งมีการออกแบบให้แข็งแรง ทนทาน และมีโลโก้รับรองคุณภาพราคาทองวันนี้ที่เห็นตามสื่อต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นราคาทองแท่ง ซึ่งเป็นราคาฐานที่ใช้อ้างอิง การเก็บรักษาทองแท่งก็ทำได้ง่าย เพราะมาพร้อมกับบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการเสียหาย

2. ทองที่มีเปอร์เซ็นต์สูง

ทองที่มีความบริสุทธิ์สูง จะได้ราคารับซื้อที่ดีกว่าทองเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่า เพราะมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ร้านทองจะมั่นใจในการรับซื้อเพราะสามารถนำไปขายต่อได้ง่าย ทองความบริสุทธิ์สูงยังมีความคงทนและไม่เปลี่ยนสี ทำให้มีมูลค่าคงอยู่ในระยะยาว

3. ทองที่มีโลโก้

ทองที่มีโลโก้หรือตราสัญลักษณ์ของร้านทองชื่อดังจะได้รับความเชื่อถือมากกว่าทองที่ไม่มีตรายี่ห้อ ร้านทองสามารถตรวจสอบที่มาและคุณภาพได้ง่าย ทำให้รับซื้อเต็มราคา โลโก้บนทองแท่งจะเห็นได้ชัดเจน แต่บนทองรูปพรรณอาจต้องใช้แว่นขยายเพื่อดู ซึ่งมักอยู่บริเวณใต้ท้องแหวนหรือตะขอสร้อย การซื้อทองจากร้านที่มีชื่อเสียงจึงช่วยให้ขายคืนได้ง่ายขึ้น

4. ทองที่มีน้ำหนักครบถ้วน

น้ำหนักทองที่ครบตามมาตรฐานเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดราคารับซื้อ ร้านทองจะชั่งน้ำหนักเป็นกรัมเพื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐาน เช่น ทองคำแท่ง 1 บาทต้องหนัก 15.244 กรัม หากน้ำหนักขาดจะส่งผลต่อราคาทันที ทองรูปพรรณมักมีโอกาสน้ำหนักหายมากกว่าทองแท่ง หรือทองคำแผ่น เพราะการใช้งานประจำวัน การเก็บรักษาที่ดีจึงสำคัญมากในการรักษาน้ำหนักทอง

เกณฑ์การรับซื้อคืนทองรูปพรรณ

ตามที่สมาคมค้าทองคำประกาศไว้ หากซื้อทองรูปพรรณแล้วขายคืนร้านเดียวกัน จะหักราคาจากราคารับซื้อคืนทองคำแท่งไม่เกิน 5% แต่หากขายต่างร้านอาจหักมากกว่า 5% การซื้อทองที่ไหนแล้วขายคืนที่นั่นจึงคุ้มค่ากว่า นอกจากนี้ สร้อยทองบางลายที่ใช้น้ำประสานทองมาก อาจได้ราคารับซื้อต่ำกว่าราคาที่สมาคมประกาศ เพราะมีเนื้อทองล้วนน้อยกว่าทองแท่งนั่นเอง

อยากซื้อ-ขายทอง แต่ไม่รู้จะไปที่ไหน Bangkok Golds คือคำตอบ!

Bangkok Golds คือร้านทองที่มีประสบการณ์ยาวนานในการซื้อขายทองคำแท้ ด้วยบางกอกโกล์ดสาขามากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ พร้อมบริการซื้อขายทองแบบออนไลน์ สินค้าทุกชิ้นผ่านมาตรฐานทอง 96.5% รับรองจากสมาคมค้าทองคำ และมีใบรับประกัน หากต้องการขายทองคืน สามารถติดต่อได้ที่หน้าร้านBangkok Golds ทุกสาขา เราให้ราคารับซื้อที่ยุติธรรมตามราคาตลาด มีตาชั่งเพื่อความโปร่งใส และมีทีมงานมืออาชีพคอยให้คำแนะนำตลอดการเข้ารับบริการ