เมื่อราคาทองวันนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลายคนจึงหันมาสนใจการลงทุนทองคำเป็นสินทรัพย์สำรองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความผันผวนทางเศรษฐกิจ แต่คำถามสำคัญที่นักลงทุนหลายคนสงสัยคือซื้อขายทองเสียภาษีไหมและต้องวางแผนภาษีอย่างไรให้เหมาะสม วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยทุกเรื่องเกี่ยวกับภาษีจากการลงทุนทองคำให้คุณเข้าใจกันอย่างชัดเจน
การลงทุนทองคำ vs. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
การลงทุนทองคำในประเทศไทยมีข้อได้เปรียบที่สำคัญคือ ทองคำแท่งและทองรูปพรรณที่บุคคลธรรมดาถือครองถือเป็นสังหาริมทรัพย์ส่วนบุคคล ซึ่งได้รับการยกเว้นภาษีตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) นั่นหมายความว่า หากคุณมีกำไรจากการซื้อขายทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณ ไม่ต้องนำไปคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ทำให้การลงทุนทองคำเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงภาระภาษีจากการลงทุน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น พันธบัตร หรือคริปโตเคอร์เรนซีที่ต้องเสียภาษีจากกำไรที่เกิดขึ้น
ประเภทของทองคำกับการคำนวณภาษีที่แตกต่างกัน
- ทองคำแท่ง – ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างสิ้นเชิง กำไรจากการซื้อขายไม่ต้องนำไปคำนวณภาษี แต่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้
- ทองรูปพรรณ – เช่นเดียวกับทองคำแท่งที่ได้รับการยกเว้นภาษีจากกำไร แต่มีข้อพิเศษคือ ค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ เฉพาะกรณีที่ร้านทองออกใบกำกับภาษีแบบ e-Tax Invoice
- การซื้อขายทองออนไลน์ – การลงทุนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ถือเป็นการลงทุนที่แตกต่างจากการถือครองทองคำจริง และอาจมีผลกระทบต่อภาษีแตกต่างกัน
รายได้จากการลงทุนทองคำแบบไหนที่ต้องเสียภาษี
แม้ว่าการซื้อขายทองคำทั่วไปจะได้รับการยกเว้นภาษี แต่ยังมีรูปแบบการลงทุนทองคำบางประเภทที่ยังคงต้องเสียภาษี ซึ่งนักลงทุนควรทำความเข้าใจให้ชัดเจนเพื่อวางแผนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม
1. ภาษีกำไรจากสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures)
การเทรดทองคำในตลาดล่วงหน้า หรือ Gold Futures ในตลาด TFEX ถือเป็นการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ไม่ใช่การถือครองทองคำจริง หากมีกำไรจากการซื้อขายสัญญาทองคำฟิวเจอร์ส กำไรดังกล่าวถือเป็นเงินได้พึงประเมินและต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามอัตราก้าวหน้าที่กำหนด
2. ภาษีจากกำไรการเทรดทองในตลาดฟอเร็กซ์ (Forex Gold)
การเทรดทองคำในรูปแบบของคู่สกุลเงิน เช่น XAU/USD ผ่านโบรกเกอร์ฟอเร็กซ์ ถือเป็นการลงทุนในตราสารอนุพันธ์ หากมีกำไรจากการเทรดทองในตลาด Forex รายได้ส่วนนี้ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 4 และต้องยื่นแบบ ภ.ง.ด. 90 เพื่อเสียภาษี แต่หากรายได้รวมทั้งปีไม่เกิน 150,000 บาท สามารถได้รับการยกเว้นภาษีได้
3. การเสียภาษีสำหรับกำไรจากทองคำดิจิทัล (Digital Gold)
การลงทุนทองคำผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์หรือแอปพลิเคชันต่าง ๆ ที่ให้ซื้อทองในรูปแบบดิจิทัลและสามารถขายคืนเป็นเงินสดได้ รายได้จากการขายทองคำดิจิทัลต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา หากมีกำไร เนื่องจากถือเป็นการลงทุนในรูปแบบที่แตกต่างจากการถือครองทองคำจริง
4. ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการขายทองคำออมทรัพย์
การออมทองหรือ Gold Savings ที่เป็นการสะสมเงินทีละน้อยแล้วแลกเป็นทองคำแท่ง หากทำกำไรจากการขายทองที่ออมไว้ กำไรนั้นอาจต้องนำไปรวมคำนวณภาษี ขึ้นอยู่กับลักษณะการลงทุนและวัตถุประสงค์ของการออม โดยหากถือเป็นการลงทุนเชิงธุรกิจ จะต้องเสียภาษีตามกฎหมาย
เทคนิคการวางแผนภาษีสำหรับนักลงทุนทอง
- เลือกรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม – เน้นการซื้อทองคำแท่งหรือทองรูปพรรณเพื่อใช้สิทธิ์ยกเว้นภาษี หลีกเลี่ยงการลงทุนในรูปแบบที่ต้องเสียภาษี
- เก็บหลักฐานการซื้อขายอย่างครบถ้วน – บันทึกใบเสร็จ ราคาซื้อขาย และเอกสารที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อใช้ประกอบการคำนวณภาษีที่ถูกต้อง
- วางแผนการถือครองระยะยาว – การถือทองคำเพื่อสะสมมูลค่าในระยะยาวจะช่วยลดความเสี่ยงในการถูกพิจารณาเป็นการทำธุรกิจ
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านภาษี – หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการคำนวณภาษีควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อความแน่นอน
สรุปบทความซื้อขายทองเสียภาษีไหม?
ซื้อขายทองเสียภาษีไหม คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับรูปแบบการลงทุนของคุณ การซื้อขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณทั่วไปได้รับการยกเว้นภาษี แต่การลงทุนในรูปแบบอื่น ๆ เช่น ฟิวเจอร์ส ฟอเร็กซ์ หรือทองดิจิทัล อาจต้องเสียภาษี การเข้าใจกฎเกณฑ์ภาษีจะช่วยให้คุณวางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและได้รับผลตอบแทนสูงสุด
หากคุณสนใจลงทุนทองคำร้านขายทอง Bangkok Golds ของเรา มีบริการทองคำแท้ทอง 96.5% คุณภาพมาตรฐาน พร้อมใบรับประกัน นอกจากนี้ เรายังมีบริการออมทองผ่านแอป Bangkok Golds เพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้ทยอยออมทองตามงบประมาณ และความต้องการอีกด้วย สามารถดูวิธีออมทองกับ Bangkok Golds ง่าย ๆ ได้ที่นี่!