สร้อยทองรูปพรรณถือเป็นเครื่องประดับที่ได้รับความนิยมในการซื้อให้เป็นของขวัญ หรือเพื่อการลงทุนเก็บสะสม แต่การเลือกซื้อสร้อยทองให้คุ้มค่าและเหมาะสมนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นในการซื้อทองการเลือกซื้อสร้อยทองที่ถูกต้องจะช่วยให้คุณได้เครื่องประดับที่มีคุณภาพ ทนทาน และสามารถขายคืนได้ราคาดี วันนี้เรามาเรียนรู้เทคนิคการเลือกซื้อที่ถูกต้องกันเถอะ
7 วิธีเลือกซื้อสร้อยทองรูปพรรณ
การเลือกซื้อสร้อยทองรูปพรรณให้ได้คุณภาพและคุ้มค่านั้นต้องพิจารณาหลายปัจจัยด้วยกัน ตั้งแต่เรื่องลวดลาย น้ำหนัก ไปจนถึงร้านที่ซื้อ แต่ละขั้นตอนล้วนมีความสำคัญต่อการตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้สร้อยทองที่ตอบโจทย์ความต้องการมากที่สุด
1. ลายทองรูปพรรณ
ลวดลายของสร้อยทองมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและความทนทาน ลายที่สวยงามเช่นสร้อยทองลายเบนซ์ สร้อยทองลายโซ่ทุบตัน หรือลายโซ่เรือตัน ซึ่งเหมาะสำหรับการใส่ประจำ และมีความทนทาน
2. น้ำหนักทอง
น้ำหนักทองเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดราคาและความหนาของสร้อยทอง ทองรูปพรรณวัดน้ำหนักเป็นกรัม โดยมาตรฐานของทองรูปพรรณ 1 บาทจะหนักไม่น้อยกว่า 15.16 กรัม ส่วนน้ำหนักที่นิยมมีตั้งแต่ครึ่งสลึง ไปจนถึง 2-3 สลึง ยิ่งน้ำหนักมากยิ่งทำให้สร้อยหนาและแข็งแรง ควรตรวจสอบน้ำหนักด้วยการชั่งทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าได้รับน้ำหนักครบถ้วนตามที่จ่าย
3. คุณภาพทอง
การตรวจสอบคุณภาพทองก่อนซื้อเป็นสิ่งสำคัญมาก ควรดูรอยขีดข่วน รอยบิ่น หรือจุดผิดปกติต่าง ๆ บนตัวสร้อย โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อและตะขอที่เป็นจุดที่อ่อนแอที่สุด ทองคุณภาพดีควรมีผิวเรียบเนียน สีทองสม่ำเสมอ และไม่มีรอยชำรุดใด ๆ การตรวจสอบคุณภาพอย่างละเอียดจะช่วยป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตและรับประกันว่าจะได้สร้อยทองที่มีคุณภาพเต็มราคา
4. ค่ากำเหน็จทอง
ค่ากำเหน็จคือค่าแรงของช่างทองในการขึ้นรูปทองเป็นลวดลายต่าง ๆ ซึ่งจะบวกเข้าไปกับราคาทองดิบ ค่ากำเหน็จขึ้นอยู่กับความยาก-ง่ายของลวดลาย โดยทั่วไปอยู่ที่ 400-1,000 บาทต่อบาท แต่ลวดลายซับซ้อนอาจมีค่ากำเหน็จสูงกว่านั้น แนะนำให้สอบถามค่ากำเหน็จจากร้านทองก่อนซื้อ เพื่อช่วยให้สามารถคำนวณต้นทุนที่แท้จริงและเปรียบเทียบราคาระหว่างร้านได้อย่างแม่นยำ และเมื่อขายคืนจะได้เฉพาะราคาทองดิบโดยไม่รวมค่ากำเหน็จ
5. เลือกสร้อยทองที่มีการระบุเปอร์เซ็นต์
สร้อยทองมาตรฐานจะมีการตอกระบุเปอร์เซ็นต์ทองไว้อย่างชัดเจน โดยทองรูปพรรณมาตรฐานจะเป็นทอง 96.5% หากเป็นสร้อยคอจะมีจุดตอกอยู่บริเวณตะขอ ส่วนกำไลหรือแหวนจะตอกที่ด้านใน การมีเปอร์เซ็นต์ที่ระบุชัดเจนจะรับประกันคุณภาพของทองและทำให้มั่นใจในการซื้อขาย นอกจากนี้ยังช่วยในการประเมินราคาเมื่อต้องการขายคืนหรือนำไปจำนำ
6. ความเหมาะสมกับพฤติกรรมการใส่ทอง
พฤติกรรมการใช้งานมีผลต่อการเลือกลายสร้อย หากใส่ตลอดเวลา ควรเลือกลายที่เรียบไม่มีเหลี่ยมมุม เช่น ลายหกเสา หรือลายผ่าหวาย เพื่อไม่ให้บาดผิวหนัง แต่หากใส่เฉพาะโอกาสพิเศษอาจเลือกลายที่มีลวดลายประณีตมากกว่า สำหรับผู้ที่ชอบถอด-ใส่บ่อยควรเลือกสร้อยที่ยาวพอจะสวมผ่านศีรษะได้โดยไม่ต้องเปิดตะขอ เพื่อลดการสึกหรอของตะขอจากการใช้งานบ่อยครั้ง
7. เลือกร้านทองที่ได้มาตรฐาน
การเลือกร้านทองที่เป็นสมาชิกสมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทยอย่าง Bangkok Golds จะได้รับการรับประกันคุณภาพและความเชื่อถือได้ ร้านทองจะมีการประกาศราคาทองวันนี้อย่างชัดเจนและเรียลไทม์ มีใบรับประกัน และการตอกตราสัญลักษณ์ร้านบนชิ้นทอง นอกจากนี้ยังมีบริการหลังการขายที่ดี เช่น การรับซื้อคืนในราคาที่เป็นธรรม การเลือกร้านที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้มั่นใจในการซื้อขายและได้รับบริการที่มีคุณภาพ
สรุปบทความการเลือกซื้อสร้อยทอง
การเลือกซื้อสร้อยทองที่ดีต้องพิจารณาทั้ง 7 ปัจจัยที่กล่าวมา ตั้งแต่ลวดลาย น้ำหนัก คุณภาพ ค่ากำเหน็จ การระบุเปอร์เซ็นต์ ความเหมาะสมกับการใช้งาน และการเลือกร้านที่มีมาตรฐาน เพื่อให้ได้สร้อยทองที่คุ้มค่าและใช้งานได้ยาวนาน
หากคุณกำลังมองหาสร้อยทองคุณภาพมาตรฐาน Bangkok Golds ของเราพร้อมให้บริการทั้งแบบออนไลน์ และหน้าร้าน ด้วยบางกอกโกล์ดสาขามากกว่า 50 แห่งทั่วประเทศ คุณสามารถเลือกซื้อทองได้อย่างสะดวกสบายใกล้บ้าน มีใบรับประกันครบถ้วน พร้อมบริการที่ยอดเยี่ยมจาก Bangkok Golds