แนวโน้มราคาทองคำปี 2025–2026: เก็บโอกาสหรือรอจังหวะ? สิ่งที่นักลงทุนควรรู้

ในยุคที่กระแสราคาทองคำและโลหะมีค่ากำลังมาแรง หลายคนเริ่มตั้งคำถามว่า “จากนี้ไปราคาทองคำจะวิ่งต่อหรือว่าพักฐาน?” โดยเฉพาะผู้ที่สนใจจะ ลงทุนทองคำ หรือ สะสมทองคำสำหรับใช้/เสริมมงคล
บทความนี้จึงรวบรวมข้อมูลล่าสุด แนวโน้มเศรษฐกิจโลก แรงขับเคลื่อนของราคาทองคำในไทย พร้อมเคล็ดลับสำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหรือสะสมในเรื่องของทองคำ เพื่อช่วยให้คุณมองภาพได้ชัดขึ้นก่อนตัดสินใจ

 

 

ปัจจัยหลักที่กำหนดแนวโน้มราคาทองคำปี 2025–2026

อัตราดอกเบี้ยและนโยบายธนาคารกลาง

เมื่อธนาคารกลางเช่น Federal Reserve (สหรัฐฯ) หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย มีแนวโน้มหรือประกาศปรับดอกเบี้ยต่ำหรือลดการขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ต้นทุนโอกาสของการถือทองคำลดลง ทำให้ทองคำเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจขึ้น

ค่าเงินดอลลาร์และอัตราแลกเปลี่ยนของเงินบาท

ทองคำซื้อขายในตลาดโลกเป็นสกุลดอลลาร์ การอ่อนค่าหรือแข็งค่าของดอลลาร์ส่งผลตรงต่อราคาทอง โดยเฉพาะในไทยที่อัตราแลกเปลี่ยนบาท-ดอลลาร์มีบทบาทสำคัญ — หากบาทอ่อน ราคาทองไทยจะสูงขึ้นทันที แม้ราคาทองโลกจะไม่ขยับ

อุปสงค์จากภาคอุตสาหกรรมและธนาคารกลาง

ทองไม่ใช่เพียงเครื่องประดับ นักลงทุนทั่วโลกและธนาคารกลางหลายแห่งยังถือทองไว้ในฐานะทุนสำรองหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย ฯลฯ ซึ่งความต้องการดังกล่าวช่วยหนุนราคาทองในระยะกลาง–ยาว

พฤติกรรมผู้ซื้อในไทย

ในไทยทองคำยังคงเป็น “ทรัพย์สินที่จับต้องได้” และเป็นของสะสมที่คนไทยเข้าใจง่าย ร้านทองที่เชื่อถือได้ เช่น Bangkok Golds มีแบบทองแท่งและทองรูปพรรณให้เลือก ซึ่งการซื้อสะสมหรือใช้งานจริงของผู้บริโภคก็เป็นแรงสนับสนุนราคาทองในประเทศ

 

 

โอกาสหรือความเสี่ยง? สำหรับผู้สนใจลงทุนทองคำ

โอกาสที่น่าสนใจ

  • ราคาทองที่อยู่ในระดับสูงอาจสะท้อนโอกาสลงทุนระยะกลาง หากปัจจัยขับเคลื่อนยังอยู่
  • ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์กระจายความเสี่ยงที่ดีสำหรับพอร์ตการลงทุน

ความเสี่ยงที่ควรรู้ และระวัง ก่อนลงทุน

  • ราคาทองอาจ “พักฐาน” หรือปรับลดหากดอกเบี้ยโลกขึ้นเร็วหรือค่าเงินแข็งตัว
  • ในบางทีค่ากำเหน็จของทองรูปพรรณบางชิ้นอาจจะค่อนข้างสูง (แล้วแต่ความยากง่ายของชิ้นงาน) อาจทำให้ผู้ที่ถือเกร็งกำไรได้น้อยกว่าที่คิด หากเทียบกับการซื้อทองแท่ง เนื่องจากถึงคราวที่นำทองไปขายคืนให้กับร้านทอง ทางร้านจะรับซื้อคืนเฉพาะ “เนื้อทอง” ไม่ได้รับซื้อคืนในเรื่องของค่ากำเหน็จด้วย หากนักลงทุนตั้งใจซื้อเพื่อสะสม เพื่อเก็บไว้เกร็งกำไร ควรเลือกซื้อเป็นทองแท่ง หรือซื้อลายเรียบๆ เพื่อหลีกเลี่ยงในเรื่องของค่ากำเหน็จที่สูง
  • ควรเลือกซื้อกับร้านทองที่รับมาตรฐานจากสมาคมค้าทองคำ และมีใบรับประกัน น่าเชื่อถือ ตรวจสอบได้ เพื่อที่จะไม่พบเจอความสูญเสียด้านสภาพคล่อง เช่นร้านทอง Bangkok Golds ที่อยู่ในสมาคมค้าทองคำมานานกว่า 20 ปี และอยู่บนห้างสรรพสินค้าชั้นนำกว่า 40 สาขา

 

 

แนวทางการพิจารณาก่อนลงทุนทองคำ

กำหนดเป้าหมายและระยะเวลา

  • ต้องการเก็บระยะยาว >5 ปี หรือเก็งกำไรระยะสั้น
  • หากต้องการสวมใส่เป็นเครื่องประดับให้ดูรูปแบบและค่ากำเหน็จ

เลือกรูปแบบทองให้เหมาะสม

  • ทองแท่ง → สำหรับลงทุนเก็บมูลค่า
  • ทองรูปพรรณ → สำหรับสะสม/ใช้งานจริง
    ร้านทองอย่าง Bangkok Golds มีแบบให้เลือกและสามารถให้คำแนะนำได้ครบถ้วน

ความสม่ำเสมอในการลงทุน (DCA)

หากยังไม่มั่นใจจังหวะ “ซื้อครั้งใหญ่” การทยอยซื้อ (Dollar-Cost Averaging) เป็นวิธีลดความเสี่ยงจากราคาที่ผันผวน

ประเมินต้นทุนทั้งหมด

  • ราคาทอง + ค่ากำเหน็จ/ค่าแพง + ค่าจัดเก็บ
  • เปรียบเทียบกับการขายคืนในอนาคต

 

สรุป

แนวโน้มราคาทองคำปี 2025–2026 มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง
ราคาทองอาจยังพุ่งต่อหากปัจจัยขับเคลื่อนยังอยู่ แต่ก็มีโอกาส “พักฐาน” หากเกิดการเปลี่ยนแปลงสำคัญเช่น ดอกเบี้ยขึ้น ค่าเงินแข็ง ฯลฯ
สำหรับผู้สนใจลงทุนหรือสะสมทองคำ ขอแนะนำให้ศึกษาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกร้านทองที่มีมาตรฐาน เช่น Bangkok Golds และตั้งเป้าหมายให้เหมาะสมกับตัวเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *